เวลาที่มือใหม่ที่สนใจลงทุนในหุ้นเข้ามาตลาดหุ้นใหม่ๆมักจะมองดูคนที่ประสบความสำเร็จว่าใช้วิธีใดบ้าง เพื่อจะได้ทำตามแล้วประสบความสำเร็จเหมือนกัน พอมือใหม่เห็นว่านักเก็งกำไรชั้นเซียนทำเงินได้มากมายก็ลองไปเล่นแบบเก็งกำไรแล้วก็ขาดทุนหนักเพราะไม่รู้จังหวะเข้าออก แล้วพอเห็นว่านักลงทุนกลุ่ม Value investor ชั้นเซียนทำกำไรได้มากมายก็ไปลองเล่นแบบ VI แต่เนื่องจากวิเคราะห์หุ้นไม่เป็นและซื้อที่ราคาแพงหรือซื้อตามเซียนทำให้ขาดทุนหนัก
นักลงทุนที่มองหาสูตรสำเร็จด้านการลงทุนว่าจะต้องทำ 1-2-3-4 แล้วประสบความสำเร็จแบบแน่นอน ผมบอกได้เลยครับว่า”ไม่มี” เพราะเมื่อคุณก้าวออกมาจากโลกแห่งความมั่นคงของดอกเบี้ยเงินฝาก (กรณีที่รัฐยังคุ้มครองอยู่) คุณจะต้องพบกับความเสี่ยง ไม่ว่าคุณจะลงทุนทำธุรกิจด้วยตนเองหรือเป็นนักลงทุนในทรัพย์สินประเภทใดๆก็ตาม นั่นคือคุณมีโอกาสขาดทุนหรือเจ๊งได้
แต่ความเสี่ยงไม่ใช่สิ่งที่จะหยุดยั้งเราจากความสำเร็จครับ
การบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk/Reward) อย่างเหมาะสมจะทำให้นักลงทุนประสบความสำเร็จได้ ...แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะ? การเรียนรู้จากนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเป็นสิ่งจำเป็นครับ แต่การทำตามแนวทางการลงทุนของเซียนโดยไม่รู้จักตนเองเลยนั้น ก็เหมือนกับการเลือกอาวุธที่ไม่เหมาะสมกับตนเองออกไปสู้ ...อาวุธ เช่น ดาบคู่ อาจจะเป็นยอดศาสตราเมื่ออยู่ในมือยอดนักรบอย่างมูซาชิ แต่ถ้าดาบคู่เล่มเดียวกันอยู่ในมือของทหารเลวคงไม่สามารถสำแดงพลังออกมาได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าดาบคู่ไม่ใช่อาวุธที่ดี
การเข้าใจความสามารถ ความถนัดของตนเอง เลือกอาวุธที่เหมาะสมกับตนเอง จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อนักรบที่จะก้าวสู่สนามรบที่เต็มไปด้วยยอดฝีมือระดับสูงแล้วเป็นผู้ชนะได้ (หรืออย่างน้อยไม่แพ้ เอาตัวรอดได้)
นักเก็งกำไรชั้นเซียนระบบการเทรดยังไม่เหมือนกัน บางคนดู MACD บางคนดู RSI บางคนดู indicator ของตนเอง นักเก็งกำไรบางคนดูข่าวควบคู่ไปด้วย บางคนดูแต่กราฟไม่ดูพื้นฐานเลย (จริงๆ ผมก็ยังไม่ถ่องแท้เรื่องการเทรดเท่าไรนักนะครับแค่ยกตัวอย่างให้ฟัง) ...นักลงทุนเน้นคุณค่าเองก็มีแนวทางและความถนัดในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น บางคนชอบหุ้นโภคภัณฑ์ บางคนชอบหุ้นเติบโต บางคนถือแต่หุ้นสุดยอด (Super stock) บางคนดูทั้งพื้นฐานหุ้นและดูกราฟประกอบไปด้วย บางคนไม่ใช้กราฟเลย บางคนเล่นรายไตรมาส รายปี ขณะที่บางคนดูยาวไป 5 ปี ฯลฯ
ดังนั้นความเข้าใจตนเองของนักลงทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการเลือกแนวทางการลงทุนของตนเองเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ ผมเองสอนมือใหม่มาหลายรุ่น นักเรียนแต่ละคนผมก็ไม่เคยบอกว่าจะต้องทำแบบผมนะ ต้องลงทุนในหุ้นเติบโตแล้วถือยาวๆถึงจะดีนะ บางคนดูแววแล้วน่าจะเป็นนักเก็งกำไรที่ดีได้ผมก็แนะนำแนวทางเก็งกำไรไป แต่ผมสอนรายละเอียดไม่ได้เพราะผมไม่ถนัดเก็งกำไร ผมสอนแต่สิ่งที่ผมเข้าใจและเชื่อมั่นเท่านั้น
ในการทำความเข้าใจตนเองนั้น ประเด็นที่ต้องสังเกตผมว่ามีดังนี้ครับ
ลองตรวจสอบตนเองดูนะครับ
1. อายุ
นักลงทุนที่เริ่มต้นตั้งแต่อายุน้อยสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่า เพราะถ้าเจ๊งหุ้นตั้งแต่ 20 ต้นๆยังมีโอกาสที่เก็บเงินและเริ่มต้นใหม่ได้ แต่นักลงทุนที่เริ่มเล่นหุ้นตอน 50 – 60 ปี ถ้าเล่นหุ้นแล้วสูญเสียเงินออมที่สั่งสมมาทั้งชีวิต การที่ต้องไปเริ่มเก็บเงินตั้งตัวใหม่จะทำได้ลำบากมาก
ดังนั้นถ้าเป็นมือใหม่เพิ่มเริ่มเล่นหุ้น ถ้าอายุน้อยๆสัก 20 – 30 ต้นๆ ผมจะแนะนำให้ลงทุนในหุ้นด้วยสัดส่วนที่สูงในพอร์ต เช่น 70-100 เปอร์เซ็นต์ในพอร์ตรวม แต่ตอนเริ่มเล่นจะให้เริ่มแค่หลักหมื่นหรือหลักแสนเป็นอย่างมาก เมื่อเล่นเก่งแล้วค่อยเพิ่มสัดส่วนเงินในพอร์ตที่ลงทุนในหุ้นให้สูงขึ้น ขณะคนที่อายุมากแล้ว เช่น เริ่มตอน 40 ปี ควรจะเริ่มด้วยเงินน้อยๆก่อนแล้วพอเก่งขึ้นค่อยเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนในหุ้นให้สูงขึ้น แต่อาจจะไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตเหมือนคนอายุน้อย ยกเว้นว่าฝีมือเก่งขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว
นักลงทุนอายุน้อยที่ยังไม่ค่อยมีภาระครอบครัวและหน้าที่การงานจะให้เวลาในการฝึกฝนฝีมือการลงทุนได้มากกว่า เมื่อนักลงทุนอายุน้อยเหล่านี้ เมื่ออายุมากขึ้นและมีครอบครัว การลงทุนอาจจะไม่จำเป็นต้องลดสัดส่วนพอร์ตหุ้นเพราะนักลงทุนกลุ่มนี้จะมีฝีมือและรู้จักบริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี สามารถเอาตัวรอดได้ครับ
สำหรับผมลงทุนในหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ (ไม่รวมพอร์ตอสังหาฯ) มีถือเงินสดบางเวลาตามกลยุทธ์ ถ้าอายุมากขึ้นจะแบ่งพอร์ตเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าตามแนวทางของครอบครัว
2. ความถนัดในแนวทางการลงทุน
ลองศึกษาทั้งการลงทุนแนวใช้ปัจจัยพื้นฐานและแนวเทคนิคอล (อาจจะแบ่งเป็น 2 พอร์ต – หรือพอร์ตเดียวกันแต่เล่นหุ้นตัวละแนวคิด) แล้วดูว่าเราชอบแบบไหน วิธีไหนที่เราใช้ได้ผลและเราเชื่อมั่น ศึกษาจากคนเก่งหลายๆคนแล้วสร้างแนวทางการลงทุนของตนเองขึ้นมา แม้ไม่ตรงตามเจ้าสำนักก็ไม่ถือว่าผิด ถ้าแนวทางทางนั้นทำให้เราเอาตัวรอดในตลาดหุ้นได้และทำกำไรได้ในระยะยาวครับ
อย่างผมเคยเห็นที่บ้านทำธุรกิจมาทั้งค้าปลีกค้าส่ง การสร้างผลิตภัณฑ์เองและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า พอเข้าตลาดผมก็รู้เลยว่าต้องลงทุนในแบบปัจจัยพื้นฐานแบบ value investment ถึงจะต่อยอดเดิมความรู้เดิมได้ (รุ่นน้องผมบางคนใช้กราฟอย่างเดียวก็ทำกำไรอย่างมากได้เช่นกันครับ)
3. เวลา
3.1 เวลาในการศึกษาข้อมูล ตามตลาด
นักลงทุนที่ต้องทำงานประจำจะมีเวลาศึกษาข้อมูลน้อยกว่านักลงทุนอาชีพ (Full time investor) การเล่นแบบตามติดตลาดจะทำได้ลำบาก รวมถึงอาจจะกระทบถึงคุณภาพของงานประจำได้ ดังนั้นการลงทุนระยะยาวจะเหมาะกว่าการเก็งกำไรแบบรายวันหรือการลงทุนแบบตามข่าวระยะสั้น นักลงทุนที่มีเวลามากอาจจะเล่นแบบเก็งกำไรระยะสั้นได้
ผมมีเองมีงานประจำเวลาศึกษาข้อมูลไม่มาก จึงต้องมองกรอบการลงทุนระยะยาว 1 – 5 ปีไว้ก่อน โดยศึกษาข้อมูลพื้นฐานโครงสร้างบริษัทมากกว่าจะมาตามข่าวตลาดรายวัน และมองความผันผวนระยะสั้นว่าเป็นโอกาสทั้งจังหวะซื้อและจังหวะขาย (ถึงผมมีเวลาผมก็อยากไปทำอย่างอื่นด้วยน่ะครับ เช่น เที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง อ่านการ์ตูน จีบสาว ออกกำลังกาย เล่นดนตรี ออกไปช่วยเหลือสังคม เพราะถึงผมจะชอบเล่นหุ้นมาก แต่ก็อยากจะทำอย่างอื่นๆด้วยเหมือนกันครับ)
3.2 กรอบเวลาในการลงทุน
ระยะเวลาในการอ่านเกมส์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน
บางคนมองถึงปัจจัยระยะสั้น ข่าว จิตวิตยาตลาด หรืออาจจะใช้สัญญาณทางเทคนิคช่วย ทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้นได้ดี คนมองสั้นเก่งๆอาจจะมองว่าการลงทุนระยะยาวเสี่ยงกว่าเพราะต้องแช่เงินไว้ในหุ้นเป็นเวลานาน ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามเวลาและข่าวที่เข้ามากระทบ
นักลงทุนบางคนมองระยะยาวดีกว่าระยะสั้น เนื่องจากดูพื้นฐานกิจการมากกว่าการขึ้นลงของราคาในแต่ละวัน มองการเติบโตของกำไรที่มาจากพื้นฐานกิจการที่แข็งแกร่งและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เชื่อมั่นว่าราคาต้องไปมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ คนมองระยะยาวจะมองว่าการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นคาดเดาได้ลำบาก
ตัวผมเองถนัดมองระยะยาวที่กรอบเวลา 1 ปีขึ้นไปครับ
4. ความสามารถในการรับความเสี่ยง
ขึ้นเชื่อว่าหุ้นย่อมมีความเสี่ยง เพราะนักลงทุนจะมองการลงทุนในหุ้นว่าเป็นความน่าจะเป็น มองเป็นโอกาสและความเสี่ยง บางครั้งเราศึกษาหุ้นก่อนลงทุนเป็นอย่างดีแล้วแต่ก็ยังขาดทุนเพราะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดผันที่กระทบต่อพื้นฐานของธุรกิจ การขาดทุนจึงเป็นเรื่องปกติ ไม่มีนักลงทุนคนไหนไม่เคยขาดทุน
ถ้าคนที่เห็นมูลค่าของหุ้นในพอร์ตบางตัวลดลง ขาดทุน หรือผันผวนในระยะสั้นไม่ได้ (ที่จริงความเสี่ยงของธุรกิจกับความผันผวนของราคาหุ้นไม่ใช่เรื่องเดียวกันนะครับ) การลงทุนในหุ้นจะทำให้ชีวิตไม่มีความสุขเท่าที่ควร ควรจะไปลงทุนอย่างอื่นที่พวกเขาสบายใจมากกว่า เช่น หุ้นกู้ พันธบัตร
ผมเองขาดทุนจริงๆก็หลายครั้ง ส่วนขาดทุนทางบัญชีนั้นเป็นประจำ 555 แต่เนื่องจากผมมองภาพรวมของพอร์ตทั้งหมดและมองความเสี่ยงของตัวธุรกิจมากกว่า ส่วนความผันผวนของราคาผมมองว่าเป็นโอกาสในการซื้อขายหุ้นมากกว่าครับ สรุปว่าผมรับความเสี่ยงได้ แต่พยายามจำกัดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุดจาก การกระจายหุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรม การถือเงินสดเวลาหุ้นแพงมากเกินจริง การเข้าใจหุ้นแต่ละตัวอย่างถ่องแท้ เข้าใจว่าความเสี่ยงของหุ้นตัวนั้นว่าคืออะไรและไม่ประมาท และซื้อหุ้นที่ expected profit สูง, หุ้นที่ unbalance reward/risk มากๆ, downside ต่ำ
5. ความใจเย็น เยือกเย็น อดทนรอคอย
ถ้าคนที่ต้องการเห็นผลเร็วในเป็นวัน เป็นเดือน เป็นไตรมาส ชอบวัดผลตอบแทนบ่อยๆควรจะลงทุนระยะสั้น แต่ถ้ารอคอยได้เห็นผลช้าหน่อยแต่ผลตอบแทนสมน้ำสมเนื้อ น่าจะลงทุนระยะยาวดีกว่า
ส่วนเรื่องความใจเย็นนักลงทุนไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาวควรจะมีความใจเย็น เยือกเย็นอยู่แล้วครับ (ถ้าไม่มีก็ควรจะฝึกให้มีครับ)
6. ความถนัดในหุ้นแต่ละประเภท ความถนัดในกลุ่มอุตสาหกรรม
ถ้าเล่นหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน การเข้าใจความถนัดของตนเองว่า ถนัดการลงทุนและมองอนาคตหุ้นแบบไหนตาม ในหุ้น 6 ประเภทที่ Peter Lynch แบ่งไว้ ไม่ว่าจะเป็น หุ้นโตช้า(หุ้นปันผล) หุ้นแข็งแกร่ง หุ้นโตเร็ว หุ้น cycle หุ้น turnaround หุ้น Asset play จะทำให้เราลงทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนการเข้าใจอุตสาหกรรม เช่น ถ้าเป็นหมอน่าจะเข้าใจธุรกิจได้ดีกว่าธุรกิจอื่นๆ ถ้าเป็นนักบินน่าจะเข้าใจธุรกิจการบินได้ดี เป็นต้น การลงทุนในอุตสาหกรรมที่เราเข้าใจจะทำให้เรามีความรู้มากกว่านักลงทุนคนอื่นๆ รวมถึงสามารถตามข่าวในวงการได้รวดเร็วกว่าคนนอกวงการ แต่ก็ไม่ควรหยุดนิ่งเฉพาะอุตสาหกรรมที่เราเข้าใจ ควรจะขยาย circle of competence ออกไปเรื่อยๆ เพราะการเรียนรู้ยิ่งเรียนยิ่งเพิ่มครับ
สำหรับผมชอบและถนัดหุ้นเติบโตมากกว่าแบบอื่นครับ
7. เป้าหมายด้านการเงิน
ถ้าถึงเป้าหมายทางการเงินแล้ว (ตรงจุดนี้แล้วแต่เป้าหมายของแต่ละคนนะครับไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด แล้วไม่ต้องไปแข่งไปอวดกับใครด้วยครับ เอาที่เราพอใจสบายใจครอบครัวอยู่อย่างมีความสุขก็พอแล้ว) การลดการลงทุนในหุ้นลงบ้างไปลงในพันธบัตร หุ้นกู้หรืออสังหาริมทรัพย์ให้เช่าแทน น่าจะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินได้มากขึ้น
ถ้าเป้าหมายทางการเงินยังอีกไกล การเดินทางโดยลงทุนในหุ้นเป็นสัดส่วนที่มากของพอร์ตก็ยังเป็นเครื่องมือที่ดีครับ
นี่คือสิ่งผมที่ลอง list ออกมา ...ลองค่อยๆทำความเข้าใจตัวเองไป เปิดใจรับแนวทางที่หลากหลายและเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตนเองดูนะครับ
ซุนวูบอกว่า...รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง รู้เราอย่างเดียวแพ้ชนะ 50-50 ดังนั้นการรู้จักตนเองก็มีชัยไปกว่าครึ่งทางแล้วครับ
รู้จักเรื่องภายนอกเยอะแล้ว อย่าลืมเข้ามาทำความรู้จักตัวเองบ้าง แล้วเราจะทำสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นอีกมากเลยครับ
ผมว่านี่เป็นบล็อกที่ดีแห่งหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าผมจะเล่นหุ้นคนละแนวทางกับคุณ Gob แต่ขอให้กำลังใจเขียนต่อไปนะครับ เชื่อว่าจะมีอีกหลายคนได้ประโยชน์กันในวันข้างหน้า
ตอบลบปล. ผมก็เล่นโกะเหมือนกัน ชอบเอาปรัชญาแนวคิดมันมาใช้อยู่เสมอ ถ้ามีโอกาสคงได้นั่งเล่นกันบ้าง :D
ขอบคุณคุณ mod มากครับ ผมจะพยายามสร้างสรรค์ผลงานให้ดีที่สุดครับ ^^
ตอบลบปล. คุณ mod คือ คุณ mod แห่ง mangmaoclub.com หรือเปล่าครับ? page ของคุณ mod ช่วยให้ความรู้กับนักลงทุนได้มากเลย ผมเองช่วงที่เป็นมือใหม่ก็ได้อ่านบทความและดู you tube ของ mangmaoclub ไปมากมาย ...ชอบและชื่นชม mangmaoclub มากๆเลย ... ที่ผมได้มากๆคือเทคนิคในการ trade (ซึ่งผมอ่อนมากๆ T_T และจะพยายามฝึกต่อไป) โดยเฉพาะเรื่อง trailing stop ที่นำมาปรับใช้ได้ดีมากเลยครับ รวมถึงแนวคิดดีๆอีกนับไม่ถ้วนเลยครับ
หวังว่าสักวันจะได้พบกัน และมีโอกาสเล่นโกะด้วยกันนะครับ :)
ใช่ผมเองครับ แหมชมจนเขินกันเลยทีเดียว 55 ผมว่าบล็อกนี้ก็ดีไม่แพ้กันครับ :D
ตอบลบเห็นมีแมงเม่าคลับเป็นบล็อกแนะนำด้วย ผมเลยขอเอาบล็อกนี้ไปใส่ Blogroll ของผมด้วยนะครับ
ปล. ตลาดหุ้นคนไม่มากหน้าหลายตาเท่าไหร่ โดยเฉพาะยิ่งคนที่เขียนบล็อกให้คนอ่านแล้วยิ่งน้อย ยังไงต่อไปคงมีโอกาสให้ช่วยสอนหมากล้อมผมเพิ่มเติมด้วยนะครับ :)
เป็นเกียรติมากเลยครับที่มีชื่อ blog ผมไว้ในแมงเม่าคลับ ขอบคุณคุณ mod มากครับ เรื่องหมากล้อมฝีมือผมคงไม่ถึงขั้นสอนหรอกครับ แต่เป็นเพื่อนเล่นได้เลยครับ :)
ตอบลบปล. เวลาคุณ mod เม้นแล้วไม่ขึ้น เพราะ comment ไปตกอยู่ในสแปมนะครับ ยังงัยเดี๋ยวผมไปกู้คืนมาได้ครับ
ขยันจังครับ
ตอบลบเขึยนต่อไปเรื่อยๆ นะครับ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคนทีเดียวครับ
ผมคิดว่า ถ้าเราเข้าใจตนเอง + เข้าใจ fact ของตลาด ก็น่าจะประสบผลสำเร็จในการลงทุนครับ
โดยปกติ ผมก็ลงทุนอีกแนวนึง แต่จะมาตามอ่านเรื่อยๆ ครับ
ปล. แอบตามมาจาก link web คุณมดนะครับ :)
ไม่ขยันไม่ได้หรอกครับ ผมยังต้องฝึกฝนและพัฒนาอีกเยอะเพราะลงทุนมาแค่ 2 ปีเองครับ
ตอบลบขอบคุณคุณ unsign ที่เข้ามาเม้นนะครับ ขอบคุณคุณมดอีกครั้งด้วยครับที่ทำ linkให้ครับ :)
การลงทุนธุรกิจ ช่วงนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ตอบลบ