วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

รู้จักและเข้าใจตนเองก่อนลงทุน

เวลาที่มือใหม่ที่สนใจลงทุนในหุ้นเข้ามาตลาดหุ้นใหม่ๆมักจะมองดูคนที่ประสบความสำเร็จว่าใช้วิธีใดบ้าง  เพื่อจะได้ทำตามแล้วประสบความสำเร็จเหมือนกัน  พอมือใหม่เห็นว่านักเก็งกำไรชั้นเซียนทำเงินได้มากมายก็ลองไปเล่นแบบเก็งกำไรแล้วก็ขาดทุนหนักเพราะไม่รู้จังหวะเข้าออก  แล้วพอเห็นว่านักลงทุนกลุ่ม Value investor ชั้นเซียนทำกำไรได้มากมายก็ไปลองเล่นแบบ VI แต่เนื่องจากวิเคราะห์หุ้นไม่เป็นและซื้อที่ราคาแพงหรือซื้อตามเซียนทำให้ขาดทุนหนัก

นักลงทุนที่มองหาสูตรสำเร็จด้านการลงทุนว่าจะต้องทำ 1-2-3-4  แล้วประสบความสำเร็จแบบแน่นอน  ผมบอกได้เลยครับว่า”ไม่มี”  เพราะเมื่อคุณก้าวออกมาจากโลกแห่งความมั่นคงของดอกเบี้ยเงินฝาก (กรณีที่รัฐยังคุ้มครองอยู่)  คุณจะต้องพบกับความเสี่ยง  ไม่ว่าคุณจะลงทุนทำธุรกิจด้วยตนเองหรือเป็นนักลงทุนในทรัพย์สินประเภทใดๆก็ตาม  นั่นคือคุณมีโอกาสขาดทุนหรือเจ๊งได้

แต่ความเสี่ยงไม่ใช่สิ่งที่จะหยุดยั้งเราจากความสำเร็จครับ

การบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk/Reward) อย่างเหมาะสมจะทำให้นักลงทุนประสบความสำเร็จได้  ...แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะ?  การเรียนรู้จากนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเป็นสิ่งจำเป็นครับ แต่การทำตามแนวทางการลงทุนของเซียนโดยไม่รู้จักตนเองเลยนั้น  ก็เหมือนกับการเลือกอาวุธที่ไม่เหมาะสมกับตนเองออกไปสู้  ...อาวุธ เช่น ดาบคู่ อาจจะเป็นยอดศาสตราเมื่ออยู่ในมือยอดนักรบอย่างมูซาชิ  แต่ถ้าดาบคู่เล่มเดียวกันอยู่ในมือของทหารเลวคงไม่สามารถสำแดงพลังออกมาได้  แต่ไม่ได้หมายความว่าดาบคู่ไม่ใช่อาวุธที่ดี

การเข้าใจความสามารถ  ความถนัดของตนเอง  เลือกอาวุธที่เหมาะสมกับตนเอง  จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อนักรบที่จะก้าวสู่สนามรบที่เต็มไปด้วยยอดฝีมือระดับสูงแล้วเป็นผู้ชนะได้ (หรืออย่างน้อยไม่แพ้ เอาตัวรอดได้)

นักเก็งกำไรชั้นเซียนระบบการเทรดยังไม่เหมือนกัน  บางคนดู MACD  บางคนดู RSI  บางคนดู indicator ของตนเอง  นักเก็งกำไรบางคนดูข่าวควบคู่ไปด้วย  บางคนดูแต่กราฟไม่ดูพื้นฐานเลย (จริงๆ ผมก็ยังไม่ถ่องแท้เรื่องการเทรดเท่าไรนักนะครับแค่ยกตัวอย่างให้ฟัง) ...นักลงทุนเน้นคุณค่าเองก็มีแนวทางและความถนัดในรูปแบบที่แตกต่างกัน  เช่น  บางคนชอบหุ้นโภคภัณฑ์  บางคนชอบหุ้นเติบโต  บางคนถือแต่หุ้นสุดยอด (Super stock)  บางคนดูทั้งพื้นฐานหุ้นและดูกราฟประกอบไปด้วย  บางคนไม่ใช้กราฟเลย  บางคนเล่นรายไตรมาส  รายปี  ขณะที่บางคนดูยาวไป 5 ปี  ฯลฯ

ดังนั้นความเข้าใจตนเองของนักลงทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการเลือกแนวทางการลงทุนของตนเองเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ  ผมเองสอนมือใหม่มาหลายรุ่น  นักเรียนแต่ละคนผมก็ไม่เคยบอกว่าจะต้องทำแบบผมนะ ต้องลงทุนในหุ้นเติบโตแล้วถือยาวๆถึงจะดีนะ  บางคนดูแววแล้วน่าจะเป็นนักเก็งกำไรที่ดีได้ผมก็แนะนำแนวทางเก็งกำไรไป  แต่ผมสอนรายละเอียดไม่ได้เพราะผมไม่ถนัดเก็งกำไร  ผมสอนแต่สิ่งที่ผมเข้าใจและเชื่อมั่นเท่านั้น

ในการทำความเข้าใจตนเองนั้น  ประเด็นที่ต้องสังเกตผมว่ามีดังนี้ครับ   


ลองตรวจสอบตนเองดูนะครับ

1. อายุ

นักลงทุนที่เริ่มต้นตั้งแต่อายุน้อยสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่า  เพราะถ้าเจ๊งหุ้นตั้งแต่ 20 ต้นๆยังมีโอกาสที่เก็บเงินและเริ่มต้นใหม่ได้  แต่นักลงทุนที่เริ่มเล่นหุ้นตอน 50 – 60 ปี ถ้าเล่นหุ้นแล้วสูญเสียเงินออมที่สั่งสมมาทั้งชีวิต การที่ต้องไปเริ่มเก็บเงินตั้งตัวใหม่จะทำได้ลำบากมาก

ดังนั้นถ้าเป็นมือใหม่เพิ่มเริ่มเล่นหุ้น  ถ้าอายุน้อยๆสัก 20 – 30 ต้นๆ ผมจะแนะนำให้ลงทุนในหุ้นด้วยสัดส่วนที่สูงในพอร์ต  เช่น  70-100 เปอร์เซ็นต์ในพอร์ตรวม  แต่ตอนเริ่มเล่นจะให้เริ่มแค่หลักหมื่นหรือหลักแสนเป็นอย่างมาก  เมื่อเล่นเก่งแล้วค่อยเพิ่มสัดส่วนเงินในพอร์ตที่ลงทุนในหุ้นให้สูงขึ้น  ขณะคนที่อายุมากแล้ว เช่น เริ่มตอน 40 ปี  ควรจะเริ่มด้วยเงินน้อยๆก่อนแล้วพอเก่งขึ้นค่อยเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนในหุ้นให้สูงขึ้น  แต่อาจจะไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตเหมือนคนอายุน้อย  ยกเว้นว่าฝีมือเก่งขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว

นักลงทุนอายุน้อยที่ยังไม่ค่อยมีภาระครอบครัวและหน้าที่การงานจะให้เวลาในการฝึกฝนฝีมือการลงทุนได้มากกว่า  เมื่อนักลงทุนอายุน้อยเหล่านี้  เมื่ออายุมากขึ้นและมีครอบครัว  การลงทุนอาจจะไม่จำเป็นต้องลดสัดส่วนพอร์ตหุ้นเพราะนักลงทุนกลุ่มนี้จะมีฝีมือและรู้จักบริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี  สามารถเอาตัวรอดได้ครับ

สำหรับผมลงทุนในหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ (ไม่รวมพอร์ตอสังหาฯ) มีถือเงินสดบางเวลาตามกลยุทธ์  ถ้าอายุมากขึ้นจะแบ่งพอร์ตเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าตามแนวทางของครอบครัว

2. ความถนัดในแนวทางการลงทุน

ลองศึกษาทั้งการลงทุนแนวใช้ปัจจัยพื้นฐานและแนวเทคนิคอล (อาจจะแบ่งเป็น 2 พอร์ต – หรือพอร์ตเดียวกันแต่เล่นหุ้นตัวละแนวคิด) แล้วดูว่าเราชอบแบบไหน  วิธีไหนที่เราใช้ได้ผลและเราเชื่อมั่น  ศึกษาจากคนเก่งหลายๆคนแล้วสร้างแนวทางการลงทุนของตนเองขึ้นมา  แม้ไม่ตรงตามเจ้าสำนักก็ไม่ถือว่าผิด  ถ้าแนวทางทางนั้นทำให้เราเอาตัวรอดในตลาดหุ้นได้และทำกำไรได้ในระยะยาวครับ

อย่างผมเคยเห็นที่บ้านทำธุรกิจมาทั้งค้าปลีกค้าส่ง  การสร้างผลิตภัณฑ์เองและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า  พอเข้าตลาดผมก็รู้เลยว่าต้องลงทุนในแบบปัจจัยพื้นฐานแบบ value investment  ถึงจะต่อยอดเดิมความรู้เดิมได้  (รุ่นน้องผมบางคนใช้กราฟอย่างเดียวก็ทำกำไรอย่างมากได้เช่นกันครับ)

3. เวลา

3.1 เวลาในการศึกษาข้อมูล  ตามตลาด

นักลงทุนที่ต้องทำงานประจำจะมีเวลาศึกษาข้อมูลน้อยกว่านักลงทุนอาชีพ (Full time investor)  การเล่นแบบตามติดตลาดจะทำได้ลำบาก  รวมถึงอาจจะกระทบถึงคุณภาพของงานประจำได้  ดังนั้นการลงทุนระยะยาวจะเหมาะกว่าการเก็งกำไรแบบรายวันหรือการลงทุนแบบตามข่าวระยะสั้น  นักลงทุนที่มีเวลามากอาจจะเล่นแบบเก็งกำไรระยะสั้นได้

ผมมีเองมีงานประจำเวลาศึกษาข้อมูลไม่มาก  จึงต้องมองกรอบการลงทุนระยะยาว 1 – 5 ปีไว้ก่อน  โดยศึกษาข้อมูลพื้นฐานโครงสร้างบริษัทมากกว่าจะมาตามข่าวตลาดรายวัน  และมองความผันผวนระยะสั้นว่าเป็นโอกาสทั้งจังหวะซื้อและจังหวะขาย  (ถึงผมมีเวลาผมก็อยากไปทำอย่างอื่นด้วยน่ะครับ  เช่น  เที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง อ่านการ์ตูน จีบสาว ออกกำลังกาย เล่นดนตรี  ออกไปช่วยเหลือสังคม  เพราะถึงผมจะชอบเล่นหุ้นมาก  แต่ก็อยากจะทำอย่างอื่นๆด้วยเหมือนกันครับ)

3.2 กรอบเวลาในการลงทุน

ระยะเวลาในการอ่านเกมส์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน

บางคนมองถึงปัจจัยระยะสั้น ข่าว จิตวิตยาตลาด หรืออาจจะใช้สัญญาณทางเทคนิคช่วย ทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้นได้ดี  คนมองสั้นเก่งๆอาจจะมองว่าการลงทุนระยะยาวเสี่ยงกว่าเพราะต้องแช่เงินไว้ในหุ้นเป็นเวลานาน ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามเวลาและข่าวที่เข้ามากระทบ

นักลงทุนบางคนมองระยะยาวดีกว่าระยะสั้น  เนื่องจากดูพื้นฐานกิจการมากกว่าการขึ้นลงของราคาในแต่ละวัน  มองการเติบโตของกำไรที่มาจากพื้นฐานกิจการที่แข็งแกร่งและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ  เชื่อมั่นว่าราคาต้องไปมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ  คนมองระยะยาวจะมองว่าการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นคาดเดาได้ลำบาก

ตัวผมเองถนัดมองระยะยาวที่กรอบเวลา 1 ปีขึ้นไปครับ

4. ความสามารถในการรับความเสี่ยง

ขึ้นเชื่อว่าหุ้นย่อมมีความเสี่ยง  เพราะนักลงทุนจะมองการลงทุนในหุ้นว่าเป็นความน่าจะเป็น  มองเป็นโอกาสและความเสี่ยง  บางครั้งเราศึกษาหุ้นก่อนลงทุนเป็นอย่างดีแล้วแต่ก็ยังขาดทุนเพราะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดผันที่กระทบต่อพื้นฐานของธุรกิจ  การขาดทุนจึงเป็นเรื่องปกติ  ไม่มีนักลงทุนคนไหนไม่เคยขาดทุน

ถ้าคนที่เห็นมูลค่าของหุ้นในพอร์ตบางตัวลดลง  ขาดทุน  หรือผันผวนในระยะสั้นไม่ได้  (ที่จริงความเสี่ยงของธุรกิจกับความผันผวนของราคาหุ้นไม่ใช่เรื่องเดียวกันนะครับ)  การลงทุนในหุ้นจะทำให้ชีวิตไม่มีความสุขเท่าที่ควร  ควรจะไปลงทุนอย่างอื่นที่พวกเขาสบายใจมากกว่า  เช่น  หุ้นกู้  พันธบัตร

ผมเองขาดทุนจริงๆก็หลายครั้ง  ส่วนขาดทุนทางบัญชีนั้นเป็นประจำ 555  แต่เนื่องจากผมมองภาพรวมของพอร์ตทั้งหมดและมองความเสี่ยงของตัวธุรกิจมากกว่า  ส่วนความผันผวนของราคาผมมองว่าเป็นโอกาสในการซื้อขายหุ้นมากกว่าครับ  สรุปว่าผมรับความเสี่ยงได้  แต่พยายามจำกัดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุดจาก  การกระจายหุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรม  การถือเงินสดเวลาหุ้นแพงมากเกินจริง  การเข้าใจหุ้นแต่ละตัวอย่างถ่องแท้  เข้าใจว่าความเสี่ยงของหุ้นตัวนั้นว่าคืออะไรและไม่ประมาท  และซื้อหุ้นที่ expected profit สูง,  หุ้นที่ unbalance reward/risk มากๆ,  downside ต่ำ

5. ความใจเย็น  เยือกเย็น  อดทนรอคอย

ถ้าคนที่ต้องการเห็นผลเร็วในเป็นวัน  เป็นเดือน  เป็นไตรมาส  ชอบวัดผลตอบแทนบ่อยๆควรจะลงทุนระยะสั้น  แต่ถ้ารอคอยได้เห็นผลช้าหน่อยแต่ผลตอบแทนสมน้ำสมเนื้อ น่าจะลงทุนระยะยาวดีกว่า

ส่วนเรื่องความใจเย็นนักลงทุนไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาวควรจะมีความใจเย็น  เยือกเย็นอยู่แล้วครับ  (ถ้าไม่มีก็ควรจะฝึกให้มีครับ)

6. ความถนัดในหุ้นแต่ละประเภท  ความถนัดในกลุ่มอุตสาหกรรม

ถ้าเล่นหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน  การเข้าใจความถนัดของตนเองว่า  ถนัดการลงทุนและมองอนาคตหุ้นแบบไหนตาม  ในหุ้น 6 ประเภทที่  Peter  Lynch  แบ่งไว้  ไม่ว่าจะเป็น  หุ้นโตช้า(หุ้นปันผล)  หุ้นแข็งแกร่ง  หุ้นโตเร็ว  หุ้น cycle  หุ้น turnaround  หุ้น Asset play  จะทำให้เราลงทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนการเข้าใจอุตสาหกรรม  เช่น  ถ้าเป็นหมอน่าจะเข้าใจธุรกิจได้ดีกว่าธุรกิจอื่นๆ  ถ้าเป็นนักบินน่าจะเข้าใจธุรกิจการบินได้ดี  เป็นต้น  การลงทุนในอุตสาหกรรมที่เราเข้าใจจะทำให้เรามีความรู้มากกว่านักลงทุนคนอื่นๆ  รวมถึงสามารถตามข่าวในวงการได้รวดเร็วกว่าคนนอกวงการ  แต่ก็ไม่ควรหยุดนิ่งเฉพาะอุตสาหกรรมที่เราเข้าใจ  ควรจะขยาย circle of competence  ออกไปเรื่อยๆ  เพราะการเรียนรู้ยิ่งเรียนยิ่งเพิ่มครับ

สำหรับผมชอบและถนัดหุ้นเติบโตมากกว่าแบบอื่นครับ

 7. เป้าหมายด้านการเงิน

ถ้าถึงเป้าหมายทางการเงินแล้ว  (ตรงจุดนี้แล้วแต่เป้าหมายของแต่ละคนนะครับไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด  แล้วไม่ต้องไปแข่งไปอวดกับใครด้วยครับ  เอาที่เราพอใจสบายใจครอบครัวอยู่อย่างมีความสุขก็พอแล้ว)  การลดการลงทุนในหุ้นลงบ้างไปลงในพันธบัตร  หุ้นกู้หรืออสังหาริมทรัพย์ให้เช่าแทน  น่าจะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินได้มากขึ้น

ถ้าเป้าหมายทางการเงินยังอีกไกล  การเดินทางโดยลงทุนในหุ้นเป็นสัดส่วนที่มากของพอร์ตก็ยังเป็นเครื่องมือที่ดีครับ

นี่คือสิ่งผมที่ลอง list ออกมา ...ลองค่อยๆทำความเข้าใจตัวเองไป  เปิดใจรับแนวทางที่หลากหลายและเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตนเองดูนะครับ

ซุนวูบอกว่า...รู้เขารู้เรา  รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง  รู้เราอย่างเดียวแพ้ชนะ 50-50  ดังนั้นการรู้จักตนเองก็มีชัยไปกว่าครึ่งทางแล้วครับ

รู้จักเรื่องภายนอกเยอะแล้ว  อย่าลืมเข้ามาทำความรู้จักตัวเองบ้าง  แล้วเราจะทำสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นอีกมากเลยครับ

7 ความคิดเห็น:

  1. ผมว่านี่เป็นบล็อกที่ดีแห่งหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าผมจะเล่นหุ้นคนละแนวทางกับคุณ Gob แต่ขอให้กำลังใจเขียนต่อไปนะครับ เชื่อว่าจะมีอีกหลายคนได้ประโยชน์กันในวันข้างหน้า

    ปล. ผมก็เล่นโกะเหมือนกัน ชอบเอาปรัชญาแนวคิดมันมาใช้อยู่เสมอ ถ้ามีโอกาสคงได้นั่งเล่นกันบ้าง :D

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณคุณ mod มากครับ ผมจะพยายามสร้างสรรค์ผลงานให้ดีที่สุดครับ ^^

    ปล. คุณ mod คือ คุณ mod แห่ง mangmaoclub.com หรือเปล่าครับ? page ของคุณ mod ช่วยให้ความรู้กับนักลงทุนได้มากเลย ผมเองช่วงที่เป็นมือใหม่ก็ได้อ่านบทความและดู you tube ของ mangmaoclub ไปมากมาย ...ชอบและชื่นชม mangmaoclub มากๆเลย ... ที่ผมได้มากๆคือเทคนิคในการ trade (ซึ่งผมอ่อนมากๆ T_T และจะพยายามฝึกต่อไป) โดยเฉพาะเรื่อง trailing stop ที่นำมาปรับใช้ได้ดีมากเลยครับ รวมถึงแนวคิดดีๆอีกนับไม่ถ้วนเลยครับ

    หวังว่าสักวันจะได้พบกัน และมีโอกาสเล่นโกะด้วยกันนะครับ :)

    ตอบลบ
  3. ใช่ผมเองครับ แหมชมจนเขินกันเลยทีเดียว 55 ผมว่าบล็อกนี้ก็ดีไม่แพ้กันครับ :D

    เห็นมีแมงเม่าคลับเป็นบล็อกแนะนำด้วย ผมเลยขอเอาบล็อกนี้ไปใส่ Blogroll ของผมด้วยนะครับ

    ปล. ตลาดหุ้นคนไม่มากหน้าหลายตาเท่าไหร่ โดยเฉพาะยิ่งคนที่เขียนบล็อกให้คนอ่านแล้วยิ่งน้อย ยังไงต่อไปคงมีโอกาสให้ช่วยสอนหมากล้อมผมเพิ่มเติมด้วยนะครับ :)

    ตอบลบ
  4. เป็นเกียรติมากเลยครับที่มีชื่อ blog ผมไว้ในแมงเม่าคลับ ขอบคุณคุณ mod มากครับ เรื่องหมากล้อมฝีมือผมคงไม่ถึงขั้นสอนหรอกครับ แต่เป็นเพื่อนเล่นได้เลยครับ :)

    ปล. เวลาคุณ mod เม้นแล้วไม่ขึ้น เพราะ comment ไปตกอยู่ในสแปมนะครับ ยังงัยเดี๋ยวผมไปกู้คืนมาได้ครับ

    ตอบลบ
  5. ขยันจังครับ
    เขึยนต่อไปเรื่อยๆ นะครับ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคนทีเดียวครับ

    ผมคิดว่า ถ้าเราเข้าใจตนเอง + เข้าใจ fact ของตลาด ก็น่าจะประสบผลสำเร็จในการลงทุนครับ

    โดยปกติ ผมก็ลงทุนอีกแนวนึง แต่จะมาตามอ่านเรื่อยๆ ครับ
    ปล. แอบตามมาจาก link web คุณมดนะครับ :)

    ตอบลบ
  6. ไม่ขยันไม่ได้หรอกครับ ผมยังต้องฝึกฝนและพัฒนาอีกเยอะเพราะลงทุนมาแค่ 2 ปีเองครับ

    ขอบคุณคุณ unsign ที่เข้ามาเม้นนะครับ ขอบคุณคุณมดอีกครั้งด้วยครับที่ทำ linkให้ครับ :)

    ตอบลบ
  7. การลงทุนธุรกิจ ช่วงนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น