1. Efficient market hypothesis ทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ
2. Behavioral finance การเงินเชิงพฤติกรรม
3. Reflexivity หลักปฎิกริยาสะท้อนกลับ
4. Consumer behavior and life style พฤติกรรมผู้บริโภคและวีถีการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคม
5. Mr. Market นายตลาด
6. การฝึกพัฒนาจิตใจสำหรับนักลงทุน เพื่อให้หลุดพ้นไปจากอคติทางจิตใจต่างๆที่คอยชี้นำเราอยู่ และได้ผลตอบแทนทั้งตัวเงินและความสุขใจครับ
โดยผมพยายามจะเขียนบทความจิตวิทยาการลงทุนประมาณเดือนละครั้ง เนื่องจากผมให้ความสำคัญกับ Psychology ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุน
ในบทความพฤติกรรมมนุษย์และตลาดทุน(ตอนที่ 2) การรับรู้อันผิดเพี้ยน ผมได้พูดถึงเรื่อง Overconfidence – ความมั่นใจเกินไป ครั้งนี้ผมจะมาพูดถึงสิ่งตรงข้ามนั่นคือ การ Anti-Overconfidence
คนเราทุกคนล้วนแสวงหาการยอมรับจากผู้คนรอบข้าง ตามทฤษฎีของมาสโลว์ Maslow hierarchy of need ซึ่งมีทั้งหมด 5 ขั้น
1. Physiological need ความต้องการทางร่างกาย
2. Safety need ความต้องการความปลอดภัยและความมั่นคง
3. Love and Belonging ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ
4. Esteem ความต้องการการยอมรับนับถือจากตนเองและผู้อื่น
5. Self-actualization ความต้องการที่เข้าใจตนเองอย่างแท้จริง
โดยการต้องการการยอมรับจากสังคมและคนรอบข้างจะอยู่ในขั้นที่ 3 และ 4
คนเราคงหลีกเลี่ยงที่จะไม่มีความต้องการยอมรับจากคนอื่นได้ยาก แม้ว่าหลายครั้งความต้องการยอมรับจากคนอื่นจะนำมาซึ่งความทุกข์ใจก็ตาม
ถ้าเราอยากให้คนยอมรับโดยใช้วิถีทางที่ถูกต้องเหมาะสมก็ดีไป แต่ในบางครั้งการพยายามเชื่อมั่นในตนเองจนเกินไปเพื่อให้คนยอมรับก็อาจจะนำมาซึ่งหายนะ รวมถึงหายนะในการลงทุนด้วยครับ
ผมขอแชร์ประสบการณ์ของผมนะครับ
ตอนที่ผมกลับไปเป็นแพทย์ใช้ทุนปีแรกที่ รพ.ขอนแก่น เป็นช่วงเดียวกับที่พ่อแม่ได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่หลังมหาวิทยาลัยขอนแก่นหลังแรก ผมได้ดูแลเป็นผู้จัดการและทำงานที่รพ. ขอนแก่นไปพร้อมกัน ผมรู้สึกตัวเองยิ่งใหญ่มากเพราะเป็นหมอหนุ่มอายุ 24 ปีและยังเป็นเจ้าของธุรกิจระดับหลายสิบล้าน (ปัจจุบันได้ขยายกิจการมูลค่าอยู่ในระดับหลายร้อยล้านบาท ปล. ทรัพย์สินของพ่อแม่ ไม่ใช่ของผมครับ)
แต่หลายๆครั้งผมรู้สึกอึดอัดใจเวลาที่ ยามไม่รู้จักผมเวลาที่ผมกลับไป หรือไปร้านอาหารบริกรก็โค้งให้แต่พ่อแม่แต่กลับไม่สนใจผมเลย เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนถึงไม่ให้ความสำคัญกับผม...พอพ่อแม่สังเกตเห็นว่าผมไม่สบายใจ ท่านจึงสอนว่า...”ใครจะสนใจหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ลูกให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีคุณค่าที่แท้จริงดีกว่า เราเป็นเจ้าของอพาร์ตเม้นต์ต่อให้ใครรู้จักหรือไม่รู้จัก อย่างไรธุรกิจก็ยังเป็นของเรา นั่นคือของจริง ...การทำความดีก็เช่นกัน คำยกย่องสรรเสริญไม่ใช่สิ่งสำคัญ ผลดีที่เกิดขึ้นกับทั้งตัวเราและผู้รับ...นั่นคือของจริง”
หลังจากนั้น ผมตั้งใจว่าผมจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง ไม่ใช่คำตำหนิหรือคำสรรเสริญของคนทั่วไปที่ไม่ได้รู้จักเราเลย
ทุกวันนี้ผมไม่สนใจเลยว่าคนทั่วไปจะสนใจผมหรือไม่...มันไม่มีความหมายอะไรต่อไปอีกแล้ว อย่างผมไปแบงค์บริหารเงินเป็นล้านๆแต่พนักงานแบงค์เห็นหน้าก็ไม่ได้สนใจบริการคิดว่าเป็นแค่เด็กธรรมดาๆคนนึง ผมก็ยิ้มได้ ก็จะไปสนใจทำไมเรามาแบงค์เพื่อบริหารเงินเราไม่ได้มาเพื่อให้ใครมายกย่อง
แต่เวลาคนเก่งๆยอมรับผมจะรู้สึกดีใจมากกกกกกกกกก... ^^
ผมบอกตนเองเสมอว่า...
“จงอ่อนน้อมถ่อมตน”
ในเรื่องการลงทุน ผมบอกตนเองเสมอว่า...
ผมเป็นเพียงนักลงทุนรายย่อยคนนึงในตลาดหลักทรัพย์ที่เต็มไปด้วยคนเก่งๆมากมาย (อ่านเพิ่มเติมในบทความ ความน่ากลัวของตลาดหุ้น นะครับ) ยังต้องหมั่นฝึกฝนและพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อสักวันผมจะเก่งกาจเช่นคนเหล่านั้นบ้าง
ในวงการอื่นเรายังพอคาดเดาได้ว่า คนเก่งน่าจะมีวุฒิการศึกษาสูง มียศทางวิชาการ มีเหรียญรางวัล (ซึ่งก็ไม่แน่เสมอไปนะครับ อาจจะมาจากเส้นสายก็ได้) แต่ในโลกของการเงินการลงทุนเป็นเรื่องยากที่จะการประเมินฝีมือการลงทุน ผ่านสิ่งเห็นได้จากภายนอก เพราะไม่มีการแบ่งระดับเป็นสายแดงสายดำ มีแต่ผลตอบแทนระยะยาวเท่านั้นที่บ่งบอกฝีมือที่แท้จริง ซึ่งเป็นผลมาจากการคิดวิเคราะห์และการฝึกตนเองอย่างยาวนาน
ในช่วงนี้ผมได้พูดคุยกับนักลงทุนเก่งๆหลายคนทั้งใน blog ผมเอง ทั้งในชีวิตจริง และทั้งในเวปบอร์ด ทุกคนที่ผมรู้สึกว่าพวกเขาเก่งกาจมากมาย พอคุยกันกลับกลายเป็นว่า...คนเก่งเหล่านั้นมองสิ่งต่างๆตามจริง ทั้งข้อดีข้อเสีย ถ่อมตัว พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ มีจิตใจที่สงบและเฉียบคม ผมไม่รู้สึกถึงความมั่นใจเกินจริง โอ้อวดหรือยกตนข่มท่านแม้แต่น้อยเลย
นี่สินะที่เค้าเรียกว่า...ยอดฝีมือ !!!
ช่างแตกต่างกับเวลาที่ผมคุยกับรายย่อยมือใหม่ที่เพิ่งมาสนใจหุ้นตอนตลาดดีมากๆ หรือมือเก่าที่ไม่ยอมพัฒนาตนเอง แต่ละคนดูมั่นใจในตนเองมาก คุยโม้โอ้อวดถึงผลกำไร บางคนคุยให้ผมฟังว่าได้กำไรเป็นหมื่นเป็นแสนบาท ทำท่าทางราวกับเขาเก่งที่สุดในโลก บางคนบอกว่าตนเองไม่เคยขาดทุนเลย ผมฟังแล้วอึ้งและได้แต่เงียบๆ ยิ้มๆ ตอบไปว่า “ยินดีด้วยครับ เก่งมากเลย เทพมากๆ”(ประชด) แต่สีหน้าและในใจเอือมระอาเต็มทน -_-“ บางคนยังไม่เคยเล่นหุ้นเลยก็มาทำท่าสั่งสอนผม “ทำไมไม่ทำอย่างนั้นล่ะ ทำไมไม่ทำอย่างนี้ล่ะ ได้กำไร 10 เปอร์เซ็นต์แล้วทำไมไม่ขายออกไปล่ะ น่าจะพอใจได้แล้วนี่ บลาๆๆๆ” ผมก็ได้แต่ตอบ “ครับๆๆๆ” แต่สีหน้ากลับเซ็งเต็มทน บางคนคิดว่าตนเองมีความสามารถในการคาดเดาดัชนีได้ ผมก็ได้ปล่อยให้พวกเขาจมอยู่กับความคิดของพวกเขาต่อไป
แม้แต่นักเก็งกำไรชั้นเซียนอย่าง จอร์จ โซรอส ยังบอกว่าตนเองไม่สามารถคาดเดาดัชนีได้, นักลงทุนระดับโลกอย่างปู่บัฟเฟตต์ยังเคยขาดทุน (เช่น กรณี U.S Air, Conoco Phillips) , เซียนหุ้นอย่าง ปีเตอร์ ลินส์ ยังเคยทำผิดพลาด (เช่น กรณี Home depot) , ซึ่งนักลงทุนระดับโลกเหล่านี้ทำกำไรได้ระดับหมื่นล้านแสนล้านบาท...แล้ว ” คุณเป็นใคร?? ”
ช่าง Overconfidence กันเหลือเกิน...-_-“ และคนเหล่านี้คือนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาด ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมคนส่วนใหญ่จึงไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนในหุ้น ขณะที่คนเก่งๆรวยขึ้นเรื่อยๆ
มหาสมุทรอันยิ่งใหญ่และกว้างไกลจะอยู่ต่ำที่สุดเพื่อรับสายน้ำจากแม่น้ำทุกแห่ง
เช่นเดียวกัน... คนระดับสุดยอดอ่อนน้อมถ่อมตน มั่นใจในตัวเองตามความจริง ความมั่นใจเหล่านั้นพิสูจน์ด้วยผลงานอันยาวนาน ไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ที่สำคัญคือไม่ประมาทครับ
การมี Overconfidence เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เพราะเราก็เป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา เพียงแต่ขอให้รู้ทันความคิดเหล่านี้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย และมองให้เห็นความจริงว่าเราก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งบนโลกใบนี้ ไม่โอ้อวด พัฒนาตนเองต่อไป
ยิ่งผมศึกษาผมกลับพบว่าเรายิ่งไม่รู้อะไรเลยครับ โดยเฉพาะศาสตร์ด้านการลงทุนในหุ้นที่มีความคลุมเคลือเพราะพูดถึงอนาคต มีหลายสำนักต่างๆมากมาย มีหลากหลายความเชื่อ...
ดังนั้นไม่ว่าจะต้องการมีความสามารถทางด้านใดก็ตาม สิ่งที่ควรนำออกไปจากจิตใจคือความมั่นใจที่เกินความจริง (Overconfidence) ให้เหลือเพียงความมั่นใจตามจริง (Confidence)
จงอ่อนน้อมถ่อมตน หมั่นเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แล้วสุดท้ายความสำเร็จในทุกสิ่งจะเป็นของคุณ รวมถึงความสำเร็จในการลงทุนด้วยครับ
ดาบเหล็กกล้าที่คมกริบในฝัก...ย่อมดีกว่าแท่งเหล็กทื่อๆขึ้นสนิมที่พยายามแกว่งโชว์พาวแน่นอนครับ
ปล. ผมขอฝากโคลงโลกนิติ์บทนึงนะครับ
นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งโยโส แมงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี
เยี่ยมค่ะ
ตอบลบขอบคุณครับ ^^
ตอบลบขอบคุณค่ะคุณหมอ
ตอบลบ